ในช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนอาจทำให้หลายคนไม่สบายได้ แถมในช่วงนี้ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีก ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและเสริมภูมิต้านทานโรคให้มากที่สุด
ขิง ( Ginger ) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber Officinale Roscoe เป็นพืชล้มลุกที่ถูกจัดให้อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE เชื่อว่ามีแหล่งกำเนิดในแถบเอเชียอาคเนย์และปลูกกันมากในประเทศอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศอื่นๆในแถบเอเชียอาคเนย์ จัดว่าเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายมากมาย เช่น วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี1-บี3 ธาตุเหล็ก เบต้าแคโรทีน คาร์โบไฮเดรต ฟอสฟอรัส ฯลฯ
ขิง เป็นพืชสมุนไพรที่มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มีเปลือกสีน้ำตาล ผิวด้านในมีสีขาวอมเหลือง รสชาติเผ็ดร้อน มีกลิ่นหอม โดยส่วนเหง้าจะแทงหน่อขึ้นมาเหนือดินซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจว่าหน่อที่โผล่ขึ้นมาคือ ส่วนลำต้น แต่อันที่จริงมันคือ ส่วนกาบใบ ที่ซ้อนกันแน่นนั่นเอง โดยส่วนใบจะมีรูปทรงเหมือนหอกมีปลายแหลม ผิวใบเกลี้ยง ขอบใบเรียบ มีดอกสีขาวออกรวมกันเป็นช่อรูปทรงคล้ายกระบองบริเวณซอกใบ
วิธีดูแลขิงให้แตกกอสวย
ดิน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนปนทรายและควรนำปุ๋ยหมักมาใส่รองก้นหลุมก่อนนำขิงลงปลูกในหลุม
น้ำ เป็นพืชที่ชอบความชุ่มชื้น แต่ไม่ชอบน้ำท่วมขังเพราะจะทำให้เกิดเชื้อราอันเป็นสาเหตุทำให้รากเน่าตายได้
แสงแดด เป็นพืชสมุนไพรที่ชื่นชอบแสงแดดจึงควรปลูกในพื้นที่ที่แสงแดดสามารถส่องถึงได้ดี
ปุ๋ย ในการใส่ปุ๋ยนั้นเริ่มแรกควรใส่ปุ๋ยรองพื้น สูตร 15-15-15 ในปริมาณ 1 ช้อนชาต่อหลุม และเมื่อปลูกได้ครบ 2 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยครั้งที่2 โดยใช้ปุ๋ยสูตรเดิมในปริมาณเท่าเดิม จากนั้นเมื่อครบ 4 เดือน ก็ให้ใส่ปุ๋ยครั้งที่3 ซึ่งเป็นสูตรเดียวกันและปริมาณเท่ากันกับการใส่ปุ๋ยครั้งที่2
การขยายพันธุ์ สามารถขยายพันธุ์โดยการปักชำเหง้าและการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ แม้จะเป็นวิธีที่ต้องใช้ต้นทุนสูงแต่ก็คุ้มค่าและปลอดเชื้อรา
สรรพคุณต่างๆของขิง
พบว่าในขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่ประกอบไปด้วย Gingerol , Shogaol , Zingiberene , วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งทำให้มีสรรพคุณทางยาต่างๆ ดังนี้
- ช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว
- ช่วยบรรเทาอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดตามข้อ ปวดประจำเดือน ฯลฯ
- ช่วยระบบการย่อยอาหาร ลดอาการแน่นท้อง อาการท้องอืด จุก เสียด แน่น
- ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานโรคและเสริมสร้างการทำงานของระบบประสาทและสมอง จึงสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสได้
- ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดได้ ฯลฯ
ในปัจจุบันได้มีการนำขิงมาผลิตในหลายรูปแบบทั้งแบบแคปซูลและแบบผง แม้ว่าจะเป็นยาสมุนไพรที่ทำมาจากธรรมชาติแต่ในการทานก็มีข้อควรระวังด้วย เช่น หญิงมีครรภ์ไม่ควรทานมากจนเกินไปเนื่องจากขิงเป็นสมุนไพรที่จัดเป็นยาร้อนจึงอาจทำให้แท้งได้ , สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหารควรเลี่ยงการทานเพราะอาจจะยิ่งทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น อีกทั้งการทานในปริมาณที่มากเกินไปอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดปกติได้ด้วย ดังนั้นหากต้องการจะทาน ควรทานในปริมาณที่เหมาะสมและควรทานด้วยความระมัดระวัง รวมถึงควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดหรือปรึกษาแพทย์ก่อนทานนะคะ