กะเพราแดง ( RED HOLY BASIL , RED THAI BASIL ) เป็นพืชล้มลุกที่อยู่ในวงศ์ LABIATAE มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า OCIMUM TENUIFLORUM L. แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ กะเพราแดง กะเพราขาว และกะเพราลูกผสม ( ระหว่างกะเพราแดงและกะเพราขาว ) ในประเทศไทยเป็นพืชสวนครัวที่พบได้ง่ายมีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป ส่วนมากมักจะนำใบสดไปประกอบอาหารเพื่อเพิ่มความหอมและช่วยดับกลิ่นคาวของอาหาร
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของกะเพราแดง
ลำต้น – กะเพราแดงมีลักษณะเป็นทรงพุ่ม ลำต้นตั้งตรง กิ่งชี้ขึ้นด้านบน สีน้ำตาลอมม่วง มีขนเล็กๆสีขาวขึ้นปกคลุมตามลำต้นและกิ่ง ความสูงโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 30 – 60 เซนติเมตร
ใบ –มีรูปทรงรีช่วงปลายใบเรียวแหลม ขอบใบหยักคล้ายฟันเลื่อย ใบมีสีเขียวอมม่วง มีขนสีขาวขึ้นปกคลุมอยู่บางๆและจะเห็นได้ชัดเจนบริเวณส่วนยอดของใบ ใบมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ประโยชน์ของกะเพราแดงส่วนใหญ่มักจะได้มาจากส่วนใบ
ดอก – มักออกดอกเล็กๆกระจุกติดอยู่รอบๆแกนดอก ซึ่งมีรูปทรงคล้ายหอกอยู่บริเวณปลายกิ่ง มีกลีบดอกขนาดเล็กรูปทรงโค้งมนสีม่วงอ่อนๆ
ผล – มีสีน้ำตาลเมื่อแก่จะแห้งและแตกออก
เมล็ด – จะถูกหุ้มด้วยกลีบเลี้ยง มีรูปทรงไข่สีน้ำตาลขนาดเล็ก เมื่อแก่จัดจะเปลี่ยนเป็นสีดำ
ประโยชน์ของกะเพราแดง
เมื่อกล่าวถึงประโยชน์ของกะเพราแดงแล้ว นอกจากจะสามารถนำไปประกอบอาหารเพื่อดับกลิ่นคาวและเพิ่มความหอมน่าทานให้แก่เมนูอาหารได้แล้ว กะเพราแดงยังมีสรรพคุณทางยาด้วย เช่น ช่วยบำรุงธาตุไฟ ทานเป็นประจำจะเป็นยาอายุวัฒนะ ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร แก้อาการจุกเสียดแน่น แก้ปวดท้อง รักษากลากเกลื้อน รักษาโรคผิวหนัง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อจุลินทรีย์บางชนิด และมีฤทธิ์ช่วยต้านเซลล์มะเร็ง ฯลฯ
โทษและข้อควรระวังในการทานกะเพราแดง
แม้ว่ากะเพราแดงจะมีประโยชน์แต่โทษของกะเพราแดงก็ใช่ว่าจะไม่มี กะเพราแดงเป็นพืชที่มีฤทธิ์ร้อนการทานมากเกินไปสามารถทำให้เกิดอาการร้อนในได้ ผู้ป่วยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดไม่ควรทานเนื่องพบว่ามีฤทธิ์ในการชะลอการแข็งตัวของเลือดอาจทำให้เลือดหยุดไหลช้าและจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วย รวมถึงอาจมีสารพิษตกค้างสะสมในร่างกายโดยสารพิษมักมาจากการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก เช่น ยาฆ่าแมล ยาฆ่าหญ้า ฯลฯ
วิธีดูแลกะเพราแดงให้เจริญงอกงาม
แม้ว่ากะเพราแดงจะเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีและปลูกง่าย แต่การปลูกให้เจริญเติบโตงอกงามและได้ผลผลิตดีจำเป็นจะต้องอาศัยวิธีดูแลที่ถูกต้องและเหมาะสมด้วย ซึ่งวิธีดูแลกะเพราแดงที่ถูกต้องสามารถทำได้ดังนี้
ดิน – กะเพราแดงเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกชนิดและจะเจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยที่สามารถระบายน้ำได้ดี ไม่ชื้นแฉะหรือมีน้ำขัง
น้ำ – ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสภาพดินและอากาศที่นำไปปลูก
แสงแดด – กะเพราแดงเป็นพืชที่ชื่นชอบแสงแดดมาก สามารถปลูกในบริเวณกลางแจ้งได้และโดนแดดได้ตลอดทั้งวัน
ปุ๋ย – ควรใช้ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยเคมีบำรุงเดือนละ 1 ครั้ง โดยการหว่านให้กระจายรอบๆโคนต้น ไม่ควรหว่านกระจุกไว้ใกล้โคนต้นมากเกินไปและไม่ควรใส่ปุ๋ยมากจนเกินไป เพราะจะทำให้พืชเกิดอาการรากเน่าได้ง่าย เมื่อใส่ปุ๋ยแล้วควรรดน้ำตามในปริมาณที่พอเหมาะทันที เพื่อละลายและช่วยเจือจางความเข้มข้นของปุ๋ย
การตัดแต่งกิ่ง – เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลกะเพราแดงที่จะต้องหมั่นทำอย่างสม่ำเสมอ โดยเมื่อกะเพราะแดงเริ่มออกดอกให้หมั่นทำการตัดแต่งกิ่งดอกออก เพื่อให้พืชสามารถแตดยอดออกมาใหม่ได้ มีทรงพุ่มสวยแข็งแรง และมีอายุยืนอยู่ได้หลายปี
ปัจจุบันนอกจากการปลูกกะเพราแดงเอาไว้เป็นพืชผักสวนครัวประจำบ้าน ยังนิยมปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจทำเป็นอาชีพหลักสร้างรายได้เลี้ยงดูครอบครัวด้วย ด้วยความที่ประโยชน์ของกะเพราแดงมีมาก การปลูกและวิธีดูแลกะเพราแดงก็ทำได้ง่าย เหตุผลดีๆเหล่านี้ทำให้คนหันมานิยมพืชสมุนไพรชนิดนี้กันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับผู้ที่ต้องการจะปลูกต้นกะเพราแดงสามารถนำวิธีดูแลกะเพราแดงที่ถูกต้องไปใช้ได้นะคะ และในส่วนของเมล็ดพันธุ์และราคาต้นพันธุ์ในท้องตลาดจะมีราคาเริ่มต้นที่หลักสิบบาทเท่านั้นเองค่ะ